Article

31.07.2024

อาคารเขียว..กับความห่วงใยต่อคนรุ่นหลัง

Byที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง เอ็มเคแอล คอนซัลแตนส์

โดยทั่วไป อาคารเขียว หมายถึง อาคารที่มีการลดหรือกำจัดผลกระทบด้านลบ (Negative Impacts) และสามารถสร้างผลกระทบด้านบวก (Positive Impacts) ต่อสิ่งแวดล้อม ในตลอดช่วงวงจรชีวิตของอาคาร (Building Life Cycle) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

เปรียบเสมือนเพื่อนบ้านรอบๆ ที่อยู่อาศัยของเรา จะเป็นมิตรต่อกันได้ก็ต่อเมื่อเรามิได้สร้างปัญหาหรือความเดือดร้อนให้ อีกทั้งยังเกื้อกูล มีน้ำใจ และมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ในบางโอกาส จึงจะอยู่กันได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น อาคารเขียว จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อาคารที่มีความยั่งยืน (Sustainable Building) ซึ่งสิ่งแวดล้อมในที่นี้ หมายรวมถึงทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นสสารและพลังงาน ซึ่งรวมไปถึงคนที่ใช้อาคารด้วย

 

ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่า ในตลอดวงจรชีวิตของอาคารหนึ่ง จะสร้างผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง เอ็มเคแอลขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพบางส่วน เช่น

  • การเลือกที่ตั้งของโครงการในช่วงก่อนการก่อสร้าง หากมีการนำพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาพัฒนา ก็จะทำให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติถูกทำลาย
  • การใช้คน เครื่องจักร และวัสดุ/อุปกรณ์ ในช่วงการก่อสร้าง ล้วนแต่ต้องการพลังงานในการจัดการ นอกจากจะทำให้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดลดลงแล้ว ยังก่อให้เกิดมลพิษในด้านต่างๆ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสุขภาพของผู้คน เช่น น้ำเสีย ฝุ่นละออง เสียงรบกวน ขยะ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ทำให้เจ้าของโครงการหรือนักพัฒนาอสังหาหลายรายหันมาใช้ระบบ Precast Concrete เพราะนอกจากจะลดค่าก่อสร้างและระยะเวลาโครงการลงแล้ว ยังสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ด้วย

 

งานก่อสร้างต้องใช้พลังงานในการจัดการ จึงเป็นที่มาของ อาคารเขียว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้คน เครื่องจักร และวัสดุ/อุปกรณ์ในงานก่อสร้าง ล้วนแต่ต้องการพลังงานในการจัดการ

 

  • การใช้พลังงานต่างๆ ระหว่างการใช้งานอาคาร ในช่วงหลังการก่อสร้าง เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบแสงสว่าง ฯลฯ นอกจากพบว่ามักจะมีการใช้อย่างไม่ประหยัดเท่าที่ควรแล้ว ผลจากการใช้งานยังอาจก่อให้เกิดของเสียตามมา เช่น สารบางชนิดในระบบปรับอากาศก่อให้เกิดก๊าซที่นำไปสู่ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)

 

ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่า เหตุใดรัฐจึงออกกฎหมายให้ผู้ประกอบการต้องยื่นขอ EIA ในการพัฒนาหรือก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่เข้าข่ายตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้เจ้าของโครงการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม

 

อย่างไรก็ดี มาตรการ EIA นั้นถือเป็นหนึ่งในมาตรการบังคับของรัฐ ที่ต้องการควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ในปัจจุบัน หลายองค์กรได้นำมาตรฐานอาคารเขียวมาประยุกต์ใช้โดยความสมัครใจ ซึ่งมีการกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อสงวนดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านทั้งการพยายามขจัดหรือลดผลกระทบด้านลบ เช่น ใช้พลังงานอย่างประหยัด และการพยายามสร้างหรือขยายผลกระทบด้านบวก เช่น นำพื้นที่ซึ่งมีสภาพดินปนเปื้อนสารพิษมาแก้ไขและพัฒนา

 

ทั้งนี้ เนื่องจากองค์กรต่างๆ เล็งเห็นแล้วว่า การนำมาตรฐานอาคารเขียวมาใช้ช่วยสร้างรายได้ให้สูงขึ้นทางอ้อม ด้วยเหตุว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร สร้างความแตกต่างให้แก่ตราสินค้า (Brand) ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งในการสงวนรักษาสิ่งแวดล้อมนั่นเอง

 

มาตรฐานอาคารเขียวดังกล่าวมีการจัดทำขึ้นในประเทศต่างๆ เช่น LEED ของสหรัฐอเมริกา BREEM ของอังกฤษ TREES ของไทย หากแต่ LEED ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ค่อนข้างนิยมใช้ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย โดย LEED ย่อมาจาก Leadership in Energy and Environmental Design เป็นมาตรฐานที่จัดทำขึ้นโดย USGBC (U.S. Green Building Council) มีหลักเบื้องต้นในการให้การรับรอง ดังนี้

 

การรับรอง อาคารเขียว 4 ระดับของ Leed

LEED แบ่งการรับรองออกเป็น 4 ระดับ

 

  • การรับรองแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามช่วงคะแนน ได้แก่ Certified, Silver, Gold และ Platinum ดังนั้น โครงการจะได้รับการรับรองระดับใด จึงขึ้นอยู่กับว่าคะแนนรวมที่ได้รับอยู่ในช่วงใด
  • ระบบการประเมิน (Rating Systems) แบ่งออกตามประเภทของโครงการ เช่น สำหรับอาคารที่จะทำการก่อสร้างขึ้นใหม่หรือปรับปรุงใหญ่ สำหรับบ้านพักอาศัย ฯลฯ
  • เกณฑ์ที่ใช้ในระบบการประเมิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เกณฑ์บังคับ (Prerequisite) ซึ่งไม่มีคะแนนให้ แต่ต้องผ่าน
    และเกณฑ์ที่มีคะแนน (Credit) การประยุกต์ใช้มาตรฐานอาคารเขียว ไม่ว่าจะใช้มาตรฐานใดก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วมักเพิ่มต้นทุนของโครงการไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะต้นทุนค่าก่อสร้างงานระบบต่างๆ แต่ย่อมได้ประโยชน์ตามมาหลายประการ เช่น ประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงาน เอื้ออำนวยให้ผู้ใช้งานมีสุขภาพที่ดี เพิ่มรายได้ทางอ้อมดังที่กล่าวมา

 

โดยสรุป การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการประยุกต์ใช้มาตรฐานอาคารเขียวข้างต้น ถือเป็นการให้ความสำคัญในระดับองค์กร แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ในระดับบุคคลทั่วไปก็สามารถมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เช่น พยายามใช้น้ำ/ไฟอย่างประหยัด, ใช้ถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้, แนะนำเพื่อนให้ช่วยกันรณรงค์ป้องกัน, ใช้กระดาษเท่าที่จำเป็น (มีแหล่งข้อมูลระบุว่า ที่ผ่านมาเพื่อให้กระดาษเพียงพอต่อความต้องการต้องตัดต้นไม้ถึง 100 กว่าต้นต่อนาที และยังปล่อยคลอรีนที่ใช้ในการฟอกกระดาษเป็นของเสียอีกด้วย)

 

หากปราศจากความร่วมมือกันของคนในสังคม ซึ่งสามารถช่วยกันได้คนละไม้คนละมือ คนรุ่นหลังก็อาจประสบกับปัญหาหรือผลกระทบต่างๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ปัจจุบันทุกคนสามารถช่วยกันป้องกันได้

back
264 views
Share